บทความสาระน่ารู้ โดยสมาคมศิษย์เก่าบัณฑิตวิทยาลัย
จุดจบโรคโควิด-19 (COVID-19) : อยู่ที่ไหน??? โดย ศาสตราจารย์ ดร.อุไรวรรณ โฆษิตานนท์
ขอให้โควิดหายไปจากโลกนี้ด้วยเทอญ……โอมเพี้ยง ท่านคงเคยได้ยินคนขอพรภาวนาแบบนี้ในช่วงปีใหม่หรือตรุษจีนที่ผ่านมาบ้าง ผู้เขียนได้เขียนบทความนี้ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ หากผู้อ่านได้อ่านในเดือนมิถุนายน ข้อมูลบางส่วนอาจจะมีความชัดเจนขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ขอเริ่มด้วยความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ในบทความนี้
เชื้อสาเหตุ
สมาชิกไวรัสโคโรนาในวงศ์เดียวกันที่ก่อโรคในคนมีทั้งหมด 7 ชนิด กลุ่มแรกมีไวรัสโคโรนา 4 ชนิด ซึ่งก่อโรคทางเดินหายใจมีอาการไม่รุนแรง แบบไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ Human coronavirus OC43 (HCoV-OC43), Human coronavirus HKU1 (HCoV-HKU1), Human coronavirus 229E (HCoV-229E) และ Human coronavirus NL63 (HCoV-NL63) สำหรับสมาชิกไวรัสโคโรนาอีก 3 ชนิด ซึ่งก่อโรคมีอาการรุนแรง ได้แก่ ไวรัสโคโรนาชนิดที่ 5 เชื้อ SARS-CoV ก่อโรคกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือโรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome–SARS) ที่เคยระบาดในประเทศจีน ไวรัสโคโรนาชนิดที่ 6 เชื้อ MERS-CoV ก่อโรคกลุ่มอาการในระบบทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส (Middle East Respiratory Syndrome–MERS) ที่ระบาดในประเทศแถบตะวันออกกลาง และไวรัสชนิดที่ 7 เชื้อ SARS-CoV-2 ก่อโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อเกิดความรุนแรงมากกว่าไวรัสโคโรนาชนิดอื่น ๆ ในวงศ์เดียวกัน ไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งก่อโรคโควิด-19 ที่ระบาดในปี 2019 เป็นญาติใกลักับไวรัส SARS-CoV ซึ่งก่อโรคซาร์สที่ระบาดในปี 2002 (พ.ศ. 2545) / 2003 (พ.ศ. 2546)ประเภทของโรคติดเชื้อจำแนกตามขนาดของการแพร่ระบาดในเชิงภูมิศาสตร์
- Endemic (Endemic disease, โรคประจำถิ่น) อ่านว่า หมายถึง โรคติดเชื้อซึ่งเกิดขึ้นประจำในพื้นที่นั้น และติดต่อกันในกลุ่มคนที่อยู่ในพื้นที่จำกัด โดยมีอัตราป่วยคงที่และสามารถคาดการณ์ได้ ขอบเขตของพื้นที่อาจเป็นเมือง ประเทศ หรือใหญ่กว่านั้น เป็นกลุ่มประเทศหรือทวีป ได้แก่ ไข้เลือดออกในประเทศไทย และโรคมาลาเรียในทวีปแอฟริกา
- Outbreak (การระบาด) อ่านว่า เอาท‘เบรคฺ คือ เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นแบบฉับพลันของโรคติดต่อที่ไม่ใช่โรคปกติทั่วไป หริอมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ของโรคประจำถิ่น ในกลุ่มคนจำนวนเล็กๆ ในเมืองใดเมืองหนึ่ง โดยยังไม่ได้แพร่กระจายออกไปส่วนใหญ่ และพอจำกัดวงให้อยู่ในสถานที่หนึ่งได้ หากมีอาการรุนแรงหรือขยายวงกว้าง อาจใช้ Epidemic แทนได้ ได้แก่ การระบาดของไข้เลือดออกใน พ.ศ. 2562 การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่น
- Epidemic (Epidemic disease, โรคระบาด) คือ โรคที่มีการระบาดแพร่กระจายกว้างขึ้นในเชิงภูมิศาสตร์ เช่น โรคอีโบลาที่ระบาดในทวีปแอฟริกาตะวันตกใน พ.ศ. 2557-2559, การระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีนก่อน แล้วระบาดต่อไปยังประเทศอื่นในทวีปเอเชีย
- Pandemic (Pandemic disease, โรคระบาดใหญ่/ทั่วโลก) คือ โรคระบาดที่เกิดการระบาดทั่วโลก เช่น การระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่ย้อนกลับไปตั้งแต่ พ.ศ. 2461 (Spanish flu, ไข้หวัดใหญ่เสปน), การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และล่าสุดการระบาดของโควิด-19 ในอย่างน้อย 122 ประเทศทั่วโลก
วิธีการหยุดการระบาดโรคโควิด-19
- ไวรัสก่อโรคมีความรุนแรงลดลง ซึ่งสอดคล้องกับการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในขณะนี้ ที่มีความรุนแรงลดลง เห็นได้จากแม้จะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่จำนวนผู้ป่วยอาการหนัก ซึ่งต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้ป่วยเสียชีวิตมีจำนวนคงที่หรือลดลง
- จำนวนประชากรมีภูมิคุ้มกันกลุ่ม (herd immunity) มากขึ้น ไม่ว่าจะมาจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อตามธรรมชาติ
- การลดการแพร่กระจายของเชื้อให้มีค่า R0 น้อยกว่าหนึ่งในทางระบาดวิทยา ค่า R0 (R nought หรือ R Zero) เป็นค่าที่ใช้ประเมินการแพร่กระจายการระบาดของโรค โดยเป็นค่าแสดงความสามารถการแพร่เชื้อตามธรรมชาติที่บ่งบอกว่า จำนวนที่ผู้ติดเชื้อรายหนึ่งจะทำให้คนปกติติดเชื้อได้กี่คนโดยเฉลี่ย ถ้า R0 น้อยกว่า 1 แสดงว่าจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และโรคจะหมดไปในที่สุด แต่ถ้า R0 มากกว่า 1 และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นตาม และจะเกิดการระบาดได้ ค่า R0 ไม่ใช่ค่าคงที่ ในแต่ละประเทศ/ทวีปอาจต่างกัน ขึ้นกับพฤติกรรม ภูมิคุ้มกัน รวมทั้งขนาดและความหนาแน่นของประชากร และลักษณะการติดเชื้อของไวรัสเอง รัฐบาลทั่วโลกจึงต้องการกดให้ตัวเลข R0 ต่ำกว่า 1 จึงหาออกมาตรการต่างๆ เช่น มาตรการกักตัวเอง เว้นระยะห่างทางสังคม และการล็อกดาวน์ เพื่อตัดการแพร่กระจายของไวรัสถึงแม้ว่าไวรัสลดความรุนแรงแล้ว นับว่าเป็นข่าวดีที่เชื้อสายพันธุ์โอมิครอนมีอัตราป่วยตายต่ำกว่าสายพันธุ์เดลต้า อย่างไรก็ตามก็ยังมีข่าวไม่ดี คือการแพร่กระจายของไวรัส เ มื่อเปรียบเทียบค่า R0 ของสายพันธุ์โอมิครอน กับไวรัสตั้งต้นจากจีนซึ่งมีค่า R0 อยู่ที่ 2.79 แต่เมื่อไวรัสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เดลต้ามีค่า R0 อยู่ที่ 5.08 และต่อมากลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์โอมิครอนมีค่า R0 อยู่ที่ 7 หรือมากกว่านั้น สายพันธุ์โอมิครอนอาจจะยังไม่ใช่สายพันธุ์สุดท้าย ซึ่งแปลว่ายังจะไม่ใช่เป็นจุดจบของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2565 รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์จากเมืองอู่ฮั่นในจีน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของไวรัสโควิด-19 เมื่อปี 2019 ได้เตือนโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ คือ NeoCoV พบในค้างคาวแอฟริกาใต้ ซึ่งมีอัตราการติดเชื้อ-การเสียชีวิตสูงคล้าย ‘โรคเมอร์ส’ ถึงแม้ว่าจะมิใช่สายพันธุ์ในคน ก็จำเป็นต้องมีการเฝ้าระวัง
- ระบบบริหารจัดการ การดูแลรักษา ที่มีประสิทธิภาพ และควบคุมการระบาดได้ดี นอกจากนี้ขอให้ยังคงเคร่งครัดมาตรการป้องกันส่วนบุคคล ใส่หน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ล้างมือ หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยง ตรวจคัดกรองด้วย ATK เมื่อมีความเสี่ยง ส่วนสถานประกอบการต้องเข้มการปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting
บทสรุป
จุดจบโรคโควิด-19 : อยู่ที่ไหน คำตอบ คือ ไม่มี จะมีแต่จุดจบของการระบาดโรคโควิด-19 (Pandemic disease, โรคระบาดใหญ่/ทั่วโลก) อยู่ที่ โรคประจำถิ่น และอาจต้องทำใจว่า อาจไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา อาจเป็นโรคหรืออาการอื่น นี่อาจไม่ใช่ END GAME แต่เป็น GAME OVER…Play Againศาสตราจารย์ ดร.อุไรวรรณ โฆษิตานนท์
อ้างอิง
- https://thestandard.co/what-is-pandemic/
- https://www.xinhuathai.com/high/86728_20200312
- https://thematter.co/quick-bite/endemic-epidemic-pandemic/104025
- https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/elaw_parcy/ewt_dl_link.php?nid=1537
- theconversation.com
- theguardian.com
- vox.com
- https://bit.ly/3Mcy08V
- https://covid19.who.int/
- https://en.wikipedia.org/wiki/Pandemic#Influenza
- https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3155920
- https://www.tnnthailand.com/news/covid19/103297/
คลังความรู้
บทความสาระน่ารู้ หมวดอื่นๆ
Views: 0